Kona & Fox Bike Park #1

ขอเล่าประสบการณ์มันส์สุดขีด แบบยาวๆ ซักครั้งนะ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมของทาง TCA
หนึ่งในตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยี่ห้อดังๆ รายหนึ่งของบ้านเรา

ที่สนใจอยากไปเพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่จะได้ปั่นจักรยานดิ่งลงตามทางลาดชันของเขาอีโต้
ซึ่งจาก ที่เคยไป ก็แค่ไปปั่นทาง cross country
คือไปตามภูมิประเทศขึ้นๆ ลงๆ ธรรมดา (แต่เหนื่อยนรกแตก ใช้เวลาเยอะด้วย)

อีกอย่างเพิ่งจะถอยน้องแอร์มา ซึ่งจากลักษณะของรถแล้ว
จะเอาแต่มาปั่นไปทำงาน ปั่นเล่นในเมืองก็จะกระไรอยู่
มันต้องไปดาวน์ฮิลล์ซักครั้ง ถึงจะสมศักดิ์ศรีรถ

เนื่องจากงานนี้เจ้าภาพเป็นตัวแทนจำหน่ายของรถยี่ห้อ Kona
คนที่ใช้รถโคน่าอย่างพวกเรา (โน่, พี่ก๊อง) มีหรือจะยอมพลาด
แถมจ่ายแค่ครึ่งราคา จากสองร้อย เหลือร้อยเดียว คุ้มมาก!!! (-*-)

ที่ทำให้อยากไปยิ่งกว่านั้นคือจาก หมายกำหนดการ บอกว่าจะมีการฝึกสอน
การขี่แบบดาวน์ฮิลล์พื้นฐาน การเซ็ตรถ เตรียมพร้อมสภาพรถและคน
เลยกระเหี้ยนกระหือรือแบบนับวันรอกันมาก ไม่แพ้ BarcampBangkok เลยเชียว 😉

วันอาทิตย์เลยตื่นแต่เช้า เพื่อจะพบว่า ฝนตก!!!
เอาวะ กรุงเทพตก แต่ปราจีนบุรีอาจไม่ตกก็ได้ จัดการแยกชิ้นส่วนน้องแอร์และน้องฟ้า
(น้องพลอยกับคันอื่นๆ ให้เฝ้าบ้าน) ยัดใส่ท้ายรถไปจนได้ทั้งสองคัน
ไปถึงเขาอีโต้ราว 11 โมง ออกสายไปนิด จริงๆ ขับรถไปก็ไม่เกินสองชั่วโมงเท่านั้น

โน่ไปรอก่อนแล้วตั้งแต่วันเสาร์ โดยรถไฟพร้อม Stinky ที่เพิ่งประกอบเสร็จไม่กี่วัน
วันนั้นกลุ่มเมเจอร์ไบค์ของเราเลยมี Kona ทั้ง 3 รุ่นไปร่วมงาน
คือ Stinky ของโน่ Stinky Deluxe ของพี่ก๊อง และ Stinky Air ของผม
มันส์แน่ๆ

ไปถึงก็เจอนักดิ่งมากันคับคั่ง ทั้งชาว Crazy Gang นำโดยพี่อู๋จากพัทยา
พี่เปรียวจาก Maxrider น้าเด๋อจาก Gravity Shop และคนอื่นๆ
ซึ่งก็คุ้นหน้าคุ้นตากันจากเวบจักรยานทั้งหลาย มีรถสวยๆ เพียบ
ได้เห็น Kona Stab Supreme UCI ตัว Special Edition ของพี่วินด้วย
มีเหลือแค่คันเดียวในเมืองไทย อีกคันโดนซื้อไปให้นักแข่งที่อินโดฯ แล้ว

ไปลงทะเบียน จ่ายตังค์ เลือกเบอร์ได้เอง เลยหยิบมั่วๆ ได้เบอร์ 127
กินข้าวแจกฟรี แล้วก็ปั่นวอร์ม เดินคุย ดูน้องๆ ปั่นเล่นโดดเนินกัน
แต่ละคนฝีมือจัดจ้านมาก แต่ไม่มีอะไรต้องหนักใจ เพราะดาวน์ฮิิลล์มันแข่่งกับตัวเอง

ฟ้ามืดครึ้มนิดหน่อย ได้ความว่าฝนเพิ่งตกไปเมื่อคืน นักดิ่งชั่วโมงบินสูงหลายคน
บอกว่าก็ดี ดินจะได้นุ่มๆ ปั่นหนืดหน่อย ถ้าล้มก็จะได้ไม่เจ็บมาก (- -“)

ทางผู้จัดบอกว่ามีรถหกล้อช่วยขนจักรยานขึ้นยอดเขาให้ฟรี ทยอยขึ้นไปซ้อมกันก่อนก็ได้
จะเริ่มแข่งบ่ายโมง พวกเราก็อ้าว..ไหนว่าจะมีการฝึกสอนให้มือใหม่ไง
พี่ๆ นักปั่นหลายคนก็บอกว่า ไม่เป็นไร มือใหม่เหรอ เทคนิคก็คือ อย่าเพิ่งลงเร็ว
ค่อยๆ ไปก่อน ใจเย็นๆ เอ…แค่นี่เองเรอะ ไม่นะ ในแผ่น DVD Fundamental
มันมีเทคนิคการขี่ตั้งเยอะนี่

แต่ทำไงได้ ขึ้นมาบนยอดเขาแล้ว ขานชื่อแล้วก็ไปนั่งดูตรงช่วงแรกที่เค้าปล่อยตัวรุ่นอื่นไปก่อน
วิธีแข่งคือ ปล่อยตัวลงไปทีละคน ทิ้งระยะห่างกันคนละ 1 นาที ใครไปถึงเส้นชัยข้างล่าง
และทำเวลาได้น้อยที่สุดก็ชนะไป เท่าที่ทราบคือระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร
เวลาเฉลี่ยที่นักแข่งจริงๆ ทำกันได้คือ 7-8 นาที นั่นคือรุ่นมืออาชีพนะ
ส่วนมากก็จะ 10 นิดๆ มากกว่า เราก็กะว่าคงจะ 15-20 นาทีก็โอเคล่ะนะ อย่าล้มเจ็บก็พอใจละ

ช่วงแรกมีการเรียกนักกีฬาไปฟังสรุป ผมดันมัวแต่ไปลุ้นกับนักแแข่งรุ่นพี่ๆ ที่ได้ลงก่อน
เลยไม่ได้ไปฟังกับเค้าซะงั้น ซึ่งคือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เดี๋ยวจะบอกทีหลัง

ก่อนปล่อยตัว ทุกคนจะต้องจับฉลาก เป็นกติกาสนุกๆ เล่นกันเอง ว่าจะโดนให้ทำอะไร
ก่อนที่จะพุ่งออกจากศาลาลงสู่ทางนรกเบื้องหน้า บางคนโดนพูด “เช้าฟาดผัดฟักฯ”
ต้องพูดจนกว่าจะถูกถึงจะลงได้ โน่ลงก่อนผม โดนวิดพื้น 10 ที เสียวมาก
เพราะน้องคนก่อนหน้านั้นก็จับฉลากได้แบบนี้ ปรากฏว่าวิดมากไปหน่อยจนแขนล้า
ออกตัวพุ่งชนต้นไม้ o_O! แต่ไม่เป็นอะไรมาก ขำๆ กัน

ในที่สุดก็ถึงคิวเรา คร่อมรถ ขึ้นแท่น มีเสียงแซวว่า “อ้าว น้าเด๋อ โดนขโมยรถแล้ว”
รถผมกับน้าเด๋อเป็นรุ่นเดียวกัน มีกันแค่สองคน สองคันเนี่ยแหละ น้าแกเป็นตัวแทนขาย
แต่ซื้อไว้ใช้เอง

จับฉลาก ป้าด..ได้วิ่งรอบศาลา 1 รอบ “มาเลยพี่ เดี๋ยวผมจับรถให้ก่อน” เยี่ยมจริงๆ
ดีนะ ไม่โดนวิ่ง 3 รอบ ได้ข่าวว่ามีฉลากแบบนั้นด้วย ใครนะช่่างคิด

“30 วินาที เตรียมตัว…10 วินาที…5, 4, 3, 2, 1, ไปได้!!!” ขาดคำน้าเด๋อขาน
ผมรีบออกวิ่งรอบศาลา ขนาดประมาณศาลาที่พักริมทาง สบายๆ โดดขึ้นรถ
ปั่นพุ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต…บ้าสิ…ก็ไปตามปกตินั่นแหละ ไม่ให้เค้าหาว่าอ่อนเกินไป
แล้วก็ไม่เร็วเกินไป กะว่าพอดีๆ มีเสียงชื่นชม “อู๊ว..สติงกี้แอร์”, “สวยๆๆ”
เผลอแอบเคลิ้มไปวูบนึงก็เจอทางลงเป็นแผ่นหิน 3 ขั้น สูงซักขั้นละเมตรนึงได้
ก็หย่อนๆ ไป ตุ้บๆ ข้างหน้าก็เป็นแทร็คยาวคดเคี้ยวไปเรื่อยครับ มันส์ล่ะทีนี้

my first downhill racing

สติงกี้แอร์มันสุดยอดจริงๆ ครับ เก็บรายละเอียดได้ทุกเม็ด โช้คยุบยวบยาบ ยืนตลอด
แทบไม่ต้องปั่น บังคับแฮนด์ กับเบรคชะลอความเร็วเป็นระยะๆ
หลุมบ่อ หินลอย ทราย ดินเปียก ใบไม้ รากไม้ เนินดินที่ทำให้โดดโดยเฉพาะก็มี
ไม่รู้เลยว่ากี่นาทีแล้ว ไกลแค่ไหนแล้ว เข้าใจความรู้สึกแล้ว ว่านาทีนั้นไม่มีโอกาสคิดอะไรทั้งสิ้น
นึกถึงคุณ roofimon กับกีฬาปีนหน้าผาของเค้า คงจะแบบนี้แหละมั้ง ลืมทุกอย่าง
เอาชีวิตรอดจากตรงนี้ให้ได้ แว๊บนึงเผลอคิดว่า กรูมาทำอะไรอยู่เนี่ย อยู่บ้านดีๆ ไม่ชอบ
แต่แค่แป๊บเดียวจริงๆ พอเหินลงจากเนินใหญ่ รถยุบเกือบสุดระยะ 7 นิ้วตามสเป็ค
พร้อมเด้งคืนอย่างแรงด้วยช็อคลมชั้นดี สมกับที่เป็นรุ่น Air รู้สึกว่าก้นสัมผัสล้อหลัง
แล้วตัวลอยออกมาจากรถ ขาหลุดจากบันได แต่มือยังกำแฮนด์ เฮ้ยยยย…

แต่ยังครับ แค่เสียหลักนิดหน่อย ตัวยังวิ่งตามไปกับรถได้ ไม่กลิ้งไปซะก่อน
โอ้.มายพระพุทธเจ้า กรูรอดแล้ววว..รีบคร่อมรถ ออกตัวใหม่ คราวนี้ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
ใส่อย่างเดียวเลย ลองทำเป็นลืมๆ ไม่ยอมกำเบรคดูซะหน่อย รถวิ่งฉิวเร็วแรงขึ้นสุดยอด
มองทางเหมือนไม่น่าจะชันเลย แต่รู้เลยว่ารถมันสปีดพุ่งขึ้น จนเสียวได้ที่แล้วก็เริ่มกลับมาเลียเบรคใหม่
ไม่งั้นแหกโค้งตกเขา

กำลังจดจ่อกับทางข้างหน้า มีเสียงตามหลัง “ขอ’นุญาตคร๊าบบบ!!!”
ด้วยสัญชาตญาณและน้ำใจนักกีฬาที่ดี ผมรีบหลบเข้าข้างไลน์ เปิดทางกว้างให้เจ้าของเสียงผ่านไปก่อน

ฟิ้ว!!!…

เฮ้ย..ไปแล้วเหรอ เห็นหลังไวๆ ว่าเป็นรถ Intense M3 สีแดง (ลงมาก็เจอตัวเจ้าของ คือพี่เคน)
สุดยอด นี่เราช้าขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย (รู้จากโน่ว่าโดนแซงไปด้วยเหมือนกัน พระเจ้า…)
จากนั้นก็อัดมา แอบลองไม่เบรคหลายครั้ง แต่ก็ยั้งๆ ไว้ เพราะไม่ได้ใส่ชุดเกราะอะไรเลย
มีแต่หมวกกันน็อคที่ใช้ประจำ กับแว่นตาแบบที่เรียกว่า goggles ที่เพิ่งถอยมาใหม่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ
ผ่านเข้าดงไผ่ โดนกิ่งไผ่ฟาดเข้าแว่น เป๊ะ!!! โอ้ว…คิดถูกแล้วที่ลงทุน คุ้มค่าจริงๆ
ไม่งั้นคงคิ้วแตก ไม่ก็ตาเจ็บ ที่กอไผ่มีลังเบียร์วางพิงไว้ด้วย นึกในใจว่าดีจัง
เค้าคงกลัวนักแข่งเบรคไม่อยู่ ถลาเข้าไปเสยกอไผ่นั่น หนักจะได้เป็นเบา

ไหลลงมาเรื่อย มีคนดูและช่างภาพยืนดักอยู่บ้างประปราย ช่วงที่ผ่านคนต้องแข็งใจ
ทำเก๊ก ว่ามีแรง ยืนโยกฮึดน่าดู เพื่อภาพสวยๆ ฮ่าๆๆๆ
พอพ้นเค้ามา ก็ค่อยปล่อยไหลไปแบบหมดสภาพ ถ้าเจอคนอีกก็ค่อยฮึดใหม่
(เป็นเทคนิคแบบแลนซ์ อาร์มสตรอง ที่ฮึดหนีรถนักข่าวกับพวกคนดู)
พยายามทำตามที่อ่านมาจากบทสัมภาษณ์พี่แม็ก นักแข่งทีมชาติ คือ มองไกลๆ เข้าไว้
เค้าบอกว่า โค้ชเยอรมันเอาเทปกาวปิดแว่นครึ่งล่างเพื่อบังคับสายตาเลยเชียว
ก็เลยลองหัดมองไกลดูมั่ง แต่ก็ยังพลาดอยู่ดี เวลาที่เป็นทางลงเป็นแอ่งลึกแล้วต้องเป็นทางขึ้นชันทันที
พอกะจังหวะผิดก็จะลืมเผื่อแรงตอนขาขึ้นตรงนั้น มันจะเสียความเร็วไป
พวกเชี่ยวๆ นี่ขนาดไหลลง ก็ยังออกแรงปั่นเติมตลอด

ลงมาได้พักใหญ่ เจอกาน้ำสเตนเลสอย่างดี แขวนไว้ตรงช่องที่ต้องปั่นผ่าน
ก็นึกในใจว่า อะไรวะ เอากามาดักฟาดหัวนักกีฬาหรือไง ใครไม่มองก็หัวโขกเท่านั้นน่ะสิ
แต่ก็ผ่านมาแบบสนุกๆ ยกมือตบกาไป 1 ที เป๊ะ…

สุดท้ายก็มาถึงเส้นชัย ก่อนเข้าเส้นก็เป็นทางชันซะ ไม่กล้าปล่อยเลย ต้องค่อยๆ หย่อนเอา
มีเสียงคนขานเบอร์รถเรา บอกกรรมการว่ามาถึงแล้วให้บันทึกเวลา
ไอ้เราก็ไม่รู้ นึกว่ายังต้องปั่นต่อ เป็นทางชันขึ้นซะด้วย หมดแรงแล้ว
ดีที่มีคนมาช่วยรับรถขึ้นไปให้ ลงจากรถได้เจอคำทักทายคำแรก
“เอ้า ตอบมา”
“อะไรครับ”!?@#%!#???
“อ้าว ก็ที่ผ่านมาไง อะไร”
“ไม่มีอะไรนี่ครับ เห็นแต่กาน้ำแขวนอยู่อันนึง”
“อ้าว..หลุด”
!?@#%!#???!?@#%!#???!?@#%!#???
เดินขึ้นมากินน้ำอย่าง งงๆ

โน่บอกว่า ก่อนแข่งเค้าสรุปสั้นๆ ให้ฟังที่ศาลาข้างบนว่าระหว่างทางจะมี rc ให้สังเกตด้วย
ถึงเส้นชัยต้องตอบคีย์เวิร์ดนั้น เป็นคำ 3 พยางค์
นั่นคือ “ตีลังกา” เฮ้ยย…เห็นแต่ลังกับกา
โน่บอกว่า มีป้ายคำว่า “ตี” วางกลับหัวอยู่ช่วงแรกๆ เลย
พอมันเห็นปุ๊บ ก็รู้เลยว่า ตีลังกาแน่ๆ 3 พยางค์มันจะเป็นอะไรไปได้
ยิ่งผ่านลังมาก็ยิ่งมั่นใจ แต่ได้ยินนักแข่งบางคนบ่นว่าเห็นกาเป็นหม้อ
ตอบผิดไปไม่น้อยเชียวแหละ ลองทายสิ นั่นแหละ ช่างกล้าตอบกันไปได้
อืม..ก็เป็นบทเรียนชั้นดี ว่าเค้าเรียกให้ขานชื่อแล้วก็อย่าแสลนไปที่อื่น

เหนื่อยมาก เดินมาล้มตัวนอนที่เสื่อ ถอดหมวก ถอดแว่น กะจะอาบน้ำเต็มที่
ผู้จัดบอกว่า ต่อไปเป็นการแข่งจริง เมื่อกี๊ให้ซ้อมดูไลน์ จ๊ากส์…
ไม่ไหวแล้ว บอกว่าเท้าแพลงดีมั้ย ฮ่าๆๆ
แต่ก็โอเคครับ พักซักชั่วโมงนึงก็ไหวอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าฝนตกลงมาจนได้
เลยซาวเสียงกันว่า เอารอบเดียวก็แล้วกัน (ตามมาตรฐานมันต้องอย่างน้อยสองรอบ)
ก็เลยตามเลย ไม่มีใครอยากไหลลงกลางฝนบนทางลื่นๆ นอกจากจะเสี่ยงแล้ว
ยังขี้เกียจล้างรถด้วย แถมนี่ก็ไม่ได้ซีเรียสจริงจังอะไร มาพบปะสังสรรค์สนุกกันเท่านั้น

จากนั้นก็จับฉลาก แจกของรางวัลกันไปสนุกสนาน ถ่ายรูปหมู่ กินข้าว แยกย้าย
ผลจะประกาศทีหลังอย่างเป็นทางการ แต่ผมไปขอดูเวลาที่เจ้าหน้าที่สาวสวยก่อน
ปรากฏว่าที่ลงทะเบียนไว้ในรุ่นอายุ 30-39 ผมได้ลำดับที่ 13
ด้วยเวลา 12:54:47 นาที อืม ปกติปั่นไปทำงาน 7 กิโลเหมือนกัน ก็เกือบครึ่งชั่วโมงล่ะนะ
ฝ่ายโน่บ่นใหญ่ เพราะได้ที่่ 14 แต่ดันโดนจับมาจัดอันดับกับรุ่นอายุเดียวกับผมได้ไงไม่รู้
ก็ฮากันไป

สุดยอดครับ เป็นประสบการณ์ประทับใจไม่รู้ลืม วันหยุดมาฆบูชา 21 กุมภาพันธ์นี้
จะไปซ้ำกันเองเฉพาะในกลุ่มพวกเราอีกครั้ง ใครสนใจก็มาด้วยกันนะครับ
ไปแต่เช้าเลย สายปั่นครอสก่อน บ่ายๆ ค่อยไปดาวน์
มาสนุกกันครับ ไม่ต้องกลัว ผู้หญิงยังมีไปดาวน์เลย ใจมาก…

ดูรูปบรรยากาศทั้งหมดได้ที่ knobbyonline
ขอบคุณ คุณ Rudy42 ที่ถ่ายภาพให้ มีแต่คนชมว่าดูดี
รูปอื่นๆ ดูได้ที่เวบเมเจอร์ไบค์ 1, 2, 3
หรือ flickr ได้เลยตามสะดวก

6 thoughts on “Kona & Fox Bike Park #1”

  1. มันส์สุดๆ อ่านแล้วต้องกลั้นหายใจตามไปด้วย

    เล่น down-hill ยังนี้ เลือกหรือยัง ว่าจะให้(กระดูก)ชิ้นไหนหักก่อนดี

    Pok’s blogger

  2. โธ่…พี่ครับ เลือกไ่ม่ให้หักเลยดีกว่าสิครับ (-_-“)

  3. คอมเมนท์ต้อง approve ก่อนจ้ะ ถ้าอยากโพสแล้วขึ้นเลยให้ล็อกอินก่อน 😉

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *